Last updated: 22 ม.ค. 2568 | 1 จำนวนผู้เข้าชม |
เคสกรณีการรักษากล้ามเนื้อและเส้นประสาทถูกทำลายระยะฟื้นฟูหลังจากเป็นโรคงูสวัด Post Zoster Neuralgia ในแผนกทุยหนา
หลังจากหายจากโรคงูสวัดซึ่งเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา-ซอสเตอร์ไวรัส (Varicella-zoster virus) แล้วบางรายอาจประสบกับอาการปวดรุนแรงที่เรียกว่า "อาการปวดประสาทหลังเป็นงูสวัด"(Post Zoster Neuralgia) โดยมักจะเริ่มแสดงอาการภายใน 1-6 เดือนหลังหายจากอาการป่วยงูสวัด เป็นอาการปวดเรื้อรังที่เกิดจากเส้นประสาทได้รับความเสียหายระหว่างการติดเชื้อไวรัส จนมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
งูสวัดมีอาการที่สำคัญคือ มีกลุ่มตุ่มน้ำร่วมกับอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งเพียงซีกเดียวจากแนวแกนกลางลำตัว หลังเกิดอาการงูสวัดผู้ป่วยจะมีอาการปวดตามผิวหนังมีอาการแสบร้อนปวดแปล๊บๆ คล้ายถูกไฟช็อต หรืออาการปวดกล้ามเนื้อ ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการกระตุ้นด้วยสัมผัสต่างๆ ร่วมกับอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาทรับความรู้สึก เมื่อหายจากอาการงูสวัดแล้วจึงทิ้งอาการปวดต่อเนื่องได้อีก ซึ่งอาการปวดหรือกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆสูญเสียการควบคุมที่เกิดจากงูสวัดนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยกังวลใจ เพราะหลังจากอาการก็จะรุนแรงส่งผลให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาทในบริเวณนั้นๆหรือข้างเคียงได้รับความเสียหายมีผลต่อการเคลื่อนไหวและการใช้ชีวิตประจำวัน อาจมีผลนานเป็นสัปดาห์ เดือน ปี หรือนานกว่านั้นจึงควรให้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาให้ทันท่วงที
งูสวัดในมุมมองของการแพทย์แผนจีน
หลังจากเป็นงูสวัดนั้นร่างกายอ่อนแอมีสภาวะที่ไม่ปกติ เช่น อารมณ์ขุ่นมัว เกิดภาวะเครียดสะสม นานวันอารมณ์โมโหโกรธที่เป็นบ่อยและมากเกินไป ส่งผลให้ชี่ตับอุดกั้น จากชี่ที่อุดกั้นอยู่นานวันจะค่อยๆเกิดความร้อนสะสมเป็นพิษร้อนขึ้น เมื่อได้รับความชื้นมากระทบ ความชื้น (湿邪 ซือเสีย มีคุณสมบัติหนักไหลไม่สะดวก) หากความร้อนอุดกั้นมากจึงจะทำให้เกิดอาการอักเสบที่กล้ามเนื้อเส้นเอ็น ตำแหน่งมักจะเกิดอาการที่ลำตัว ซี่โครง หรือใต้หน้าอกกระบังลมแขนหรือขา(ตามแนวเส้นลมปราณตับ ถุงน้ำดี ม้าม) และผู้สูงอายุส่วนใหญ่พื้นฐานร่างกายจะเลือดลมน้อย มีไฟตับกำเริบ(ตับเก็บกักเลือด เลือดเป็นอิน เมื่ออินน้อยหยางจึงมากเกิดเป็นความร้อน) ความร้อนชื้นเป็นพิษทำให้เกิดอาการปวดมาก เนื่องจากเลือดลมเดินติดขัด เมื่อทางเดินของเส้นลมปราณยังไม่สะดวกจึงมีอาการปวดแบบเรื้อรัง เคลื่อนที่ลำบาก
- ตัวอย่างกรณีการรักษา -
ผู้ป่วยกล้ามเนื้อและเส้นประสาทถูกทำลายระยะฟื้นฟู หลังจากเป็นโรคงูสวัด มารักษาที่คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวสาขานครราชสีมา
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อ-นามสกุล : นางมะXX
เพศ : หญิง อายุ : 58 ปี
เลขประจำตัวผู้ป่วย : 0287XX
วันที่รับการรักษา : 3 กันยายน 2567
อาการสำคัญ
ปวดชาแขนด้านในซ้ายและนิ้วมือซ้ายปวดรุนแรง แขนอ่อนแรง นิ้วมือบวมแต่ไม่แดง ขยับกำหรือแบนิ้วมือไม่ได้ ขยับยกยืดเหยียดนิ้วมืออาการปวดมากขึ้น จนกล้ามเนื้อบริเวณแขนด้านในสั่นควบคุมไม่ได้ 3 เดือน อาการรุนแรงขึ้น 1-2 สัปดาห์
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
- ผู้ป่วยมีอาการปวดชาแขนด้านในซ้ายและข้อนิ้วมือซ้ายปวดบวมรุนแรง กล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง ขยับกำหรือแบนิ้วมือไม่ได้
- ผู้ป่วยเคยได้เข้ารับการตรวจรักษาเป็นโรคงูสวัด ผื่นหาย ไข้หาย จากนั้นผู้ป่วยเริ่มมีอาการแขนอ่อนแรง ขยับหรือกำแบมือลำบาก
- ต่อมาไม่นานผู้ป่วยเริ่มมีอาการปวดร้าวแขนด้านใน ขยับหรือกำมือไม่ได้นานเป็นเวลา2-3เดือนจึงไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา
- จากการตรวจแพทย์แนะนำให้รักษาโดยการให้รับประทานยาแก้ปวดบรรเทาอาการ (รายละเอียดยาไม่ชัดเจน) พร้อมทำกายภาพบำบัดตามสิทธิการรักษา แต่ผู้ป่วยไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ประวัติปัจจุบัน
- ปวดชาแขน ข้อมือ และข้อนิ้วมือ
- ยกแขนลำบาก กำแบมือไม่ได้
- รับประทานอาหารได้ปกติ นอนหลับไม่ได้เพราะปวดอย่างต่อเนื่องแม้จะทานยาแก้ปวดแล้วก็ตาม
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
งูสวัด,ลมชัก
การตรวจร่างกาย
- มีจุดกดเจ็บที่บริเวณแขนซ้าย มือและข้อนิ้วมือซ้าย
- การเคลื่อนไหวของมือและแขนทำได้จำกัด กำแบหรือหมุนข้อมือไม่ได้
- Ulnar wrist pain ด้านซ้าย : ตำแหน่งที่ควรคลำได้คือ EDM, ECU, Distal radioulnar joint ( DRUJ ),ขอบ Distal ulnar, Ulnar Styloid, Fovea sign ( ตรวจด้าน Dorso-ulnar side ) และ FCU tendon ,Pisiform bone, Hook hamate , Guyon’s canal, Ulnar artery, Ulnar nerve ( ตรวจด้าน Volar-ulnar) test ให้ผลบวก
- Rotation deformity จะประเมินด้วยการให้กำมือแล้วจะชี้ไปที่ scaphoid tubercle เล็บจะ
parallel กัน และ ไม่มี scissoring
- Finkelstein’s test ด้านซ้าย ให้ผลลบ
- Scaphoid’s shift test ( Watson shift test ) ด้านซ้าย ให้ผลลบ
- Ulnar impingement test ด้านซ้าย ให้ผลบวก
- สังเกตดูการขยับของนิ้วมือ มือและข้อมือ โดยสามารถประเมินลักษณะการขยับของมือ
เพื่อใช้ในการทำงานต่างๆ ตามลักษณะของ Basic Grip type ทั้ง 7 ชนิดว่าไม่สามารถทำได้
- ลิ้นแดงฝ้าเหลืองบาง ชีพจรตึงเร็ว
การวินิจฉัย ปวดปลายประสาทหลังจากงูสวัด (蛇串疮后遗症)
วิเคราะห์(เปี้ยนเจิ้ง)ว่าผู้ป่วยอยู่กลุ่มอาการตับและถุงน้ำดีร้อนชื้น (肝胆湿热证)
ชื่อโรคทางแผนปัจจุบัน ปวดปลายประสาทหลังจากงูสวัด (带状疱疹后神经痛后遗症)
การรักษา
1. ฝังเข็ม กระตุ้นไฟฟ้า โดยเลือกจุดฝังเข็มบริเวณแขนนิ้วมือ และจุดกดเจ็บ
2. ทุยหนากดจุด ครอบแก้ว อบสมุนไพรจีน
ผลการรักษา (progression note)
ผู้ป่วยเข้าการรักษา ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2567 – วันที่ 25 กันยายน 2567
การประเมินการรักษาครั้งที่ 1
(วันที่ 6 กันยายน 2567 )
อาการปวดชาแขนด้านในซ้ายและนิ้วมือซ้ายปวดรุนแรงลดลงเล็กน้อย แขนอ่อนแรง ขยับกำหรือแบนิ้วมือได้เล็กน้อย ขยับยกยืดเหยียดนิ้วมืออาการปวดมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณแขนด้านในสั่นควบคุมได้มากขึ้นเล็กน้อย
การประเมินการรักษาครั้งที่ 2
(วันที่ 10 กันยายน 2567)
ปวดชาแขนด้านในซ้ายและนิ้วมือซ้ายปวดลดน้อยลง แขนอ่อนแรง ขยับกำหรือแบนิ้วมือได้มากขึ้น ขยับยกยืดเหยียดนิ้วมือไม่ปวดมาก กล้ามเนื้อบริเวณแขนด้านในสั่นควบคุมได้
การประเมินการรักษาครั้งที่ 3
(วันที่ 18 กันยายน 2567)
ไม่มีอาการปวดชาแขนด้านในซ้ายและนิ้วมือซ้าย ไม่มีแขนอ่อนแรงแล้วขยับแขนได้สะดวกมากขึ้น ขยับกำหรือแบนิ้วมือได้มากจนกำมือได้สนิท ขยับยกยืดเหยียดนิ้วมืออาการปวดเล็กน้อย ไม่มีอาการกล้ามเนื้อบริเวณแขนด้านในสั่นควบคุมไม่ได้
การประเมินการรักษาครั้งที่ 4
(วันที่ 25 กันยายน 2567)
ไม่มีอาการปวดชาแขนด้านในซ้ายและนิ้วมือซ้ายปวดรุนแรง แขนมีกำลังมาขึ้นเกิบปกติ ขยับกำหรือแบนิ้วมือได้สะดวก ขยับยกยืดเหยียดนิ้วมือไม่มีอาการปวด แขนและนิ้วมือใช้งานยกหยิบจับของได้เป็นปกติ
วิเคราะห์และสรุป
การรักษาโรคปวดปลายประสาทหลังจากงูสวัดโดยการทุยหนาฝังเข็มให้ผลลัพธ์ที่ดี สามารถบรรเทาอาการปวดได้ โดยการทุยหนาฝังเข็มลงไปตามจุดฝังเข็มเพื่อทะลวงเส้นลมปราณที่อุดกั้น ปรับการไหลเวียนของชี่และเลือดให้คล่องขึ้น เมื่อชี่และเลือดเคลื่อนที่ได้ดีก็ทำให้อาการเจ็บปวดบรรเทาลงนั่นเอง ตามกลไกที่ว่า “เมื่อไหลเวียนดีก็จะไม่ปวด เมื่อไม่ไหลเวียนก็จะปวด” (通则不痛,不通则痛)ช่วยฟื้นฟูอาการชาหรือแขนและนิ้วมืออ่อนแรง ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรืออาการยังไม่รุนแรงยังสามารถรักษาแบบประคับประคองได้ ทั้งนี้ผลการรักษาขึ้นอยู่กับบุคคล ปัจจัยกระตุ้น และการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วย
------------------------
บทความโดย
แพทย์จีน ศศิพัชญ์ อิทธิชัยโฆษิตกุล (หมอจีน สุ่ย จิง ซิน)
许精鑫 中医师
TCM.Dr.Sasiphat Aitthichaikhositkun
แผนกกระดูกและทุยหนา 骨伤推拿科 (Orthopedic and Tuina TCM Department)
คลินิกคลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวแพทย์สาขานครราชสีมา
22 ม.ค. 2568
22 ม.ค. 2568
22 ม.ค. 2568
12 พ.ย. 2567