Last updated: 28 มี.ค. 2568 | 37 จำนวนผู้เข้าชม |
คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนซัวเถา
.
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 คณะผู้บริหารจาก คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว นำโดย แพทย์จีนสมชาย จิรพินิจวงศ์ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ และ นางสาวลู่ เหมยกุ้ย รองผู้อำนวยการด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้เดินทางเยือน โรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนซัวเถา เพื่อกระชับความร่วมมือด้านวิชาการและการแพทย์แผนจีน พร้อมทั้งหารือแนวทางการพัฒนาร่วมกัน
.
ยกระดับความร่วมมือ เปิดศูนย์กลางการแพทย์แผนจีน
การเยือนครั้งนี้มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ และพัฒนาเทคนิคการรักษาร่วมกัน โดยได้รับการต้อนรับจาก นายหลี่ เจา รองนายกเทศมนตรีนครซัวเถา, นางหยาง ฟาง ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขนครซัวเถา และคณะผู้บริหารโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนซัวเถา ภายหลังการประชุม ทั้งสองฝ่ายได้ลงนาม ข้อตกลงความร่วมมือ และเปิดตัว “ฐานความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีน” ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย การพัฒนาทรัพยากรบุคคล และการเผยแพร่วัฒนธรรมแพทย์แผนจีนสู่ระดับนานาชาติ
.
พัฒนาศักยภาพบุคลากร ขยายบริการแพทย์แผนจีนสู่ประชาชน
แพทย์จีนสมชาย จิรพินิจวงศ์ กล่าวว่า ฐานความร่วมมือแห่งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการ พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์แผนจีนในประเทศไทย ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทาง และพัฒนาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยชาวไทย นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทางส่งเสริมการรักษาด้วยแพทย์แผนจีนผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษาสุขภาพ การตรวจวินิจฉัย และการบรรยายวิชาการ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการแพทย์แผนจีนที่มีมาตรฐาน นายหลิน ชวงเจียน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนซัวเถา กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ” พร้อมเน้นย้ำว่า “ไม่เพียงช่วยยกระดับการแพทย์แผนจีนในไทย แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้แพทย์แผนจีนก้าวสู่เวทีโลก”
.
ผลักดันแพทย์แผนจีนสู่ระบบสาธารณสุขไทย
การลงนามข้อตกลงครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของคลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวในการ พัฒนาและยกระดับการแพทย์แผนจีนในประเทศไทย โดยนำองค์ความรู้และเทคนิคจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนชั้นนำและโรงพยาบาลระดับแนวหน้าของจีนมาประยุกต์ใช้
.
ในอนาคต ความร่วมมือนี้จะช่วยสร้าง มาตรฐานการแพทย์แผนจีนที่เหมาะสมกับบริบทของไทย พร้อมผลักดันให้แพทย์แผนจีนเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในระบบสาธารณสุข และเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึง ทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการขยายแพทย์แผนจีนสู่ระดับนานาชาติ
12 มี.ค. 2568