Last updated: 2 ก.ค. 2567 | 30240 จำนวนผู้เข้าชม |
เทคนิควิธีหย่างเซิงสุขภาพในชีวิตประจำวันแบบง่ายๆ
เสริมสร้างพลังเลือดลมประจำวันโดยใช้วิธีที่ไม่ซับซ้อน ใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีต่อวัน ด้วยวิธีการเคาะ ทุบ นวด เส้นลมปราณบำรุงร่างกายกระตุ้นเลือดลมไหลเวียนกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นคลายตัว แล้วท่านจะพบว่า ร่างกายได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เห็นผลได้เร็ว และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายในช่วงภาวะโรคระบาด การนำหลักการหย่างเซิงในศาสตร์การแพทย์แผนจีน ซึ่งเป็นวิธีการง่ายๆในการส่งเสริมพื้นฐานสุขภาพด้วยตนเอง สร้างด่านปราการป้องกันเชื้อโรค ทั้งหลักการกิน การอยู่ การออกกำลัง การปรับสภาวะด้านอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมชีวิต
ระบบเส้นลมปราณ (经络系统 จิงลั่วซี่ถ่ง) เป็นทฤษฎีพื้นฐานที่สำคัญของการฝังเข็ม รมยา และการแพทย์แผนจีนทุกสาขา เส้นลมปราณเป็นเส้นทางไหลเวียนของเลือดและชี่ โดยจะแตกแขนงเชื่อมโยงกันเป็นร่างแหไปหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย แบ่งเป็นเส้นลมปราณหลัก (经จิง) และเส้นลมปราณย่อย (络 ลั่ว)
เส้นลมปราณหลัก เป็นเส้นลมปราณใหญ่ มีเส้นทางตามแนวยาวของลำตัวและแขนขา มักอยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนังและในชั้นกล้ามเนื้อ ทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์ร่างกายส่วนบนกับส่วนล่างและอวัยวะภายในกับระบบโครงสร้างของร่างกาย
เส้นลมปราณย่อย เป็นเส้นลมปราณที่แตกแขนงจากเส้นลมปราณหลัก ส่วนมากแยกออกตามแนวขวางไปยังผิวหนังและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยแตกเป็นแขนงย่อย ๆ เชื่อมโยงกันเป็นร่างแหคล้ายระบบเส้นเลือดฝอย
หน้าที่ของระบบเส้นลมปราณ
- เป็นทางไหลเวียนของเลือดและชี่ ไปหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายอย่างเป็นระบบ
- ควบคุมและปรับสมดุลการไหลเวียนของเลือดและชี่
- เชื่อมโยงเนื้อเยื่อและอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ทั้งภายนอกและภายใน ตื้นและลึก บนและล่าง ซ้ายและขวา ให้ทำงานสอดคล้องสัมพันธ์กัน
- เป็นระบบติดต่อระหว่างร่างกายกับสิ่งแวดล้อม ปรับการทำงานของร่างกายให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปกป้องร่างกายจากเหตุแห่งโรคที่มากระทำต่อร่างกาย
- เป็นช่องทางในการรักษาความผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
เส้นลมปราณเป็นช่องทางให้สาเหตุของโรค จากภายนอกรุกรานเข้าสู่ภายในร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อระบบการปกป้องร่างกายของระบบเส้นลมปราณบกพร่อง
เส้นลมปราณช่วยสะท้อนอาการและอาการแสดงของความผิดปกติ ของอวัยวะภายในสู่ภายนอก จึงช่วยในการวินิจฉัยความผิดปกติของอวัยวะ หรือตำแหน่งของการเกิดโรค เช่น ความผิดปกติของหัวใจจะมีอาการแสดงออกมาตามแนวเส้นลมปราณหัวใจ หรือที่ลิ้นซึ่งเป็นทวารของหัวใจ เป็นต้น
เส้นลมปราณช่วยสะท้อนลักษณะของพยาธิสภาพ จึงช่วยในการวินิจฉัยแยกโรค เช่น การมีแผลที่ลิ้นบ่งบอกว่ามีไฟหัวใจมากเกินไป การที่ผิวหนังมีสีคล้ำบ่งบอกถึงการไหลเวียนของเลือดและชี่ติดขัด ผิวหนังซีดขาวบ่งบอกถึงการได้รับผลกระทบจากความเย็น เป็นต้น
พลังเลือดลมเป็นตัวชี้วัดสุขภาพที่สำคัญของร่างกาย การพัฒนาระบบเลือดลมในร่างกายสามารถทำได้ง่ายๆและทุกๆวัน
"การนวดกระตุ้นเส้นถุงน้ำดี"
เส้นถุงน้ำดี เป็นเส้นลมปราณที่โยงตั้งแต่ศีรษะถึงขา ส่วนที่อยู่ในช่วงต้นขาจะเป็นช่วงอวัยวะที่ถูกไอเย็นแทรกเข้าได้ง่ายดายที่สุด และเป็นช่วงที่มีการสะสมไอเย็นได้ง่ายที่สุด เนื่องจากการสะสมไอเย็นจะทำให้การไหลเวียนของเส้นลมปราณในช่วงนี้ไม่ไหลลื่น ทำให้การขับของเสียของเนื้อเยื่อบริเวณนี้มีมากยิ่งขึ้น ผลจากการสะสมไอเย็น (*) เป็นเวลานาน จะทำให้เส้นลมปราณช่วงนี้เกิดการอุดตัน ถุงน้ำดีไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
* อ่านข้อมูลเพิ่มเติม - เมื่อร่างกายสะสมไอเย็น มีความชื้นสะสมมากเกินไป
การเคาะ ทุบ นวด เส้นถุงน้ำดี จะกระตุ้นให้เกิดการหลั่งน้ำดีออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุเพราะไม่ได้แก้ไขปัญหาของถุงน้ำดีหรือปอด แต่อย่างน้อยก็ช่วยกระตุ้นให้เกิดการหลั่งน้ำดีออกมา จนทำให้ร่างกายสามารถผลิตวัตถุดิบที่เพียงพอสำหรับการสร้างเลือด ทำให้พลังเลือดลมค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นในเวลาต่อมา
วิธีการ
กำมือ หรือ ใช้ลูกเทนนิส กดๆทุบๆเคาะๆ บริเวณด้านนอกของต้นขา ก้นกบ (ตามภาพเส้นลมปราณ) ทุบสี่ที นับเป็นหนึ่งครั้ง ทุกวันควรทุบที่ต้นขาทั้งซ้ายขวาประมาณจุดละ 50 ครั้ง ใช้แรงทุบตามความสะดวก (ใช้แรงมากสักหน่อยก็จะดีเป็นการทะลวงเส้นลมปราณให้โล่ง เลือดลมจะไหลเวียนได้ดีไม่ติดขัด) แรงในการทุบก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทุบ กด ออกแรงให้พอรู้สึก หรือ ความแรงในระดับที่รับได้ ทุบ กด เคาะ เป็นจังหวะ สม่ำเสมอ และผ่อนคลาย ไม่เกร็ง
ปัญหาของปอดและถุงน้ำดี จะต้องรอจนกว่าเลือดลมในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นก่อนจึงจะสามารถแก้ไขได้ ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน ดังนั้นจึงขอแนะนำให้นวด กด ทุบเส้นถุงน้ำดีเป็นประจำ และทำต่อเนื่องในแต่ละวัน ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้น
มีหลายอาการบ่งบอกว่าการทำงานของถุงน้ำดีบกพร่อง อาการที่ชัดเจนที่สุดคือ มีผมขาว หรือ อายุยังน้อยแต่มีผมสีขาวแล้ว ทั้งนี้เพราะร่างกายของคนเรามีพลังงานไม่เพียงพอนั่นเอง
การแพทย์แผนจีนได้มีการกล่าวอยู่ประโยคหนึ่งว่า "เส้นผมเป็นส่วนปลายของโลหิต" การเกิดผมขาวขึ้นเพราะสารอาหารในร่างกายไม่เพียงพอนั่นเอง
ผมมัน ก็เป็นอีกหนึ่งอาการของปัญหาถุงน้ำดี นั่นเป็นเพราะมีการคัดหลั่งน้ำดีน้อยเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถย่อยไขมันที่รับประทานอาหารเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับเหตุปัจจัยจากการที่ตับร้อนจึงทำให้เส้นผมขับไขมันออกมานั่นเอง
การทุบเส้นถุงน้ำดี เป็นวิธีการบำรุงที่ดีที่สุด
แม้ว่าเราจะรับประทานอาหารบำรุง หรือสารอาหารไปแล้วมากมาย แต่หากประสิทธิภาพการทำงานของถุงน้ำดีไม่ดีพอ จะทำให้ประสิทธิภาพการย่อยและดูดซับสารอาหารต่ำมาก อาหารที่ทานเข้าไปจึงมักจะถูกขับออกเนื่องจากปัญหารการดูดซับสารอาหารมีไม่พอ ภายในภาวะเช่นนี้ แม้ว่าเราจะเลือกทานอาหารที่ดีมากขนาดไหน ก็จะไม่เกิดผลในการบำรุง หรือ การดูดซับประโยชน์ของสรรพคุณเข้าไม่ถึงร่างกายนั่นเอง
ปัญหาของผู้คนในสมัยนี้ไม่ได้อยู่ที่การขาดสารอาหาร หากแต่เป็นที่การทานอาหารเข้าไปแล้วไม่สามารถถูกย่อยและดูดซับได้อย่างดีมีประสิทธิภาพต่างหาก ดังนั้น การทานยารักษา หรือกินวิตามินบำรุง Supplement พิเศษราคาแพงจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสมอไป
การเริ่มต้นบำรุงที่ต้นทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการบำรุงอวัยวะภายในให้มีประสิทธิภาพในการทำงานขับเคลื่อนระบบต่างๆในร่างกายให้ไหลเวียนตามกลไกและเสื่อมสภาพน้อยที่สุด เมื่อนั้นโรคจะไม่เกิดและสุขภาพก็จะไม่เกิดปัญหา
สาเหตุหลักๆที่ทำให้การคัดหลั่งของน้ำดีไม่มีความเพียงพอนั้น โดยหลักแล้วเกิดจากการจัดการแก้ไขอาการหวัดอย่างไม่ถูกต้องของคนในปัจจุบัน เนื่องจากมีการใช้ยาเคมี ยาแผนปัจจุบันเป็นระยะเวลานานๆด้วยความเคยชิน หรือรีบเร่งให้หวัดหายเร็วๆ ซึ่งยาแผนปัจจุบันสามารถจัดการโดยการกดอาการให้หายวับไปได้ทันที แต่ไม่ใช่การขับเอาความเย็น ไอเย็น ออกไปจากร่างกาย คนส่วนใหญ่เลือกวิธีการกินยาเพื่อกดอาการ กดอาการหวัดเอาไว้ แม้ว่าอาการหวัดจะหายสนิทไปแล้วก็จริง แต่ไอเย็นที่เป็นสาเหตุของการเกิดหวัดยังคงหลงเหลืออยู่ภายในร่างกายต่อไป
วิธีการหย่างเซิงสุขภาพด้วยตนเองง่ายๆ สามารถลงมือทำได้ทันที หากทำแบบเสมอต้นเสมอปลายบ่อยๆเป็นประจำทุกวัน จะเป็นการพัฒนาสุขภาพที่ง่ายดาย ไม่เสียเงิน เมื่อทำไปได้ในระยะหนึ่งแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าสุขภาพดีขึ้น นอนหลับสบายขึ้น ลดอาการอ่อนเพลีย เพียงแค่คุณปรับพฤติกรรมชีวิตและเพิ่มเทคนิคเหล่านี้เล็กๆน้อยๆประจำวัน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
การนวดกดจุดบำรุงสุขภาพด้วยตนเอง 12 จุดอายุวัฒนะ
14 พ.ย. 2566
28 ก.พ. 2567
24 มิ.ย. 2567
24 ต.ค. 2566