Last updated: 24 ม.ค. 2568 | 180 จำนวนผู้เข้าชม |
สิว จัดเป็นปัญหากวนใจบนผิวหน้าที่สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย ซึ่งพบได้มากในช่วงวัยรุ่น หลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องเล็กน้อย เป็นแล้วหายเองได้ แต่ในบางคนอาจเป็นสิวเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด ทำให้เกิดความไม่มั่นใจและสร้างความกังวลใจให้ได้
ซึ่งตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนนั้น “สิว” ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงการทำงานของอวัยวะภายในบางอย่างว่ามีความผิดปกติไปจากเดิม หรือร่างกายเสียสมดุลไป ในทางการแพทย์แผนจีนนั้นมองว่า สิว สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดจากการทำงานของระบบอวัยวะภายในไม่สมดุล เช่น ร่างกายที่ร้อนในง่ายเมื่อถูกกระทบจากความร้อนหรือลมร้อน ก็สามารถทำให้มีโอกาสการเกิดสิว นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะกับสภาวะร่างกายซ้ำๆหรือติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดสิวเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด บางรายพบปัญหามักเป็นสิวตำแหน่งเดิมและเกิดรอยดำ รอยแดงเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นหากเรารู้ว่าตำแหน่งของสิว บ่งบอกถึงอวัยวะใดที่เสียสมดุลไป เราจะได้นำไปปรับแก้การดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง
1.บริเวณหน้าผาก
บริเวณหน้าผาก เป็นจุดสะท้อนของอวัยวะ “ลำไส้ และกระเพาะอาหาร”
หากตำแหน่งนี้เกิดสิวอักเสบ ผดผื่น ขึ้นซ้ำๆ ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากระบบย่อยอาหารทำงานเสียสมดุลไป มีความร้อนหรือความชื้นรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร อาจพบอาการท้องผูกเรื้อรัง ท้องอืดง่าย อาหารย่อยยาก หรือมักจะพบมากในคนผิวมันง่ายด้วย
ข้อควรปฏิบัติ : ควรงดอาหารรสจัด อาหารมัน ของทอด ขนมหวาน อาหารย่อยยาก
2.บริเวณหว่างคิ้ว
บริเวณระหว่างคิ้ว เป็นจุดสะท้อนของอวัยวะ “หัวใจและตับ”
หากตำแหน่งนี้เกิดสิวอักเสบ ผดผื่น ขึ้นซ้ำๆ มักมีสาเหตุมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึกติดกันเป็นเวลานาน หรือผู้ที่มีความเครียดสูง
ข้อควรปฏิบัติ: พักผ่อนให้เพียงพอ หาวิธีจัดการกับอารมณ์และความเครียด ปล่อยวาง เข้านอนเร็วขึ้น และงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาหารรสจัด ของทอด ของมัน
3.บริเวณรอบดวงตา
บริเวณรอบดวงตา เป็นจุดสะท้อนของอวัยวะ “ไต” และ “ตับ”
หากตำแหน่งนี้เกิดสิวอักเสบ ขอบตาคล้ำ ถุงใต้ตาบวม มีตีนกา หรือ มีผดผื่น ขึ้นซ้ำๆบริเวณนี้ มักมีสาเหตุมาจากความเครียดมากๆสะสมจนเกิดเป็นความร้อนในร่างกายสูง จึงก่อให้เกิดสิวบริเวณใกล้ดวงตา
ข้อควรปฏิบัติ: หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด รู้จักวิธีจัดการกับอารมณ์และความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่หักโหมจนเหนื่อยเกินไป หรือทานธัญพืช เช่น ถั่วเขียว
4.บริเวณโหนกแก้มและจมูก
บริเวณโหนกแก้มและจมูก เป็นจุดสะท้อนของอวัยวะ “ปอด”
หากตำแหน่งนี้เกิดสิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวอุดตัน เรื้อรังขึ้นซ้ำๆ มักมีสาเหตุมาจากระบบการทำงานของปอด เช่น ปอดมีความร้อนสูง สะท้อนออกทางผิวหนังทำให้เกิดสิวขึ้นบริเวณโหนกแก้มและจมูก จมูกแดงอักเสบบ่อยๆ
ข้อควรปฏิบัติ: หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารทอดมันและอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน ดื่มน้ำเปล่ามากๆ
5.บริเวณแก้ม
บริเวณโหนกแก้ม เป็นจุดสะท้อนของอวัยวะ “กระเพาะอาหาร” และ ”ม้าม”
หากตำแหน่งนี้เกิดรอยแดง บวม มีสิวอักเสบ ผดผื่นคัน ขึ้นซ้ำๆ มักมีสาเหตุมาจากการชอบรับประทานอาหารรสจัด ของหวาน ทอดหรือมันมากเกินไป ทำให้ระบบการย่อยอาหารผิดปกติไป และมีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง ร่างกายภายในมีความร้อนสะสม และก่อให้เกิดสิวตามมา สิวบริเวณนี้มักบวม แดง เจ็บ
ü ข้อควรปฏิบัติ: หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของหวาน ของทอด ของมัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น หรือดื่มน้ำเก็กฮวย
6.บริเวณคาง
บริเวณคางจะเป็นจุดสะท้อนของอวัยวะ “มดลูก”และ”รังไข่”
หากผิวบริเวณตำแหน่งนี้มัน เกิดสิวอักเสบ ผดผื่น ขึ้นเรื้อรังซ้ำๆ มักมีสาเหตุมาจากระบบระบบสืบพันธุ์มีปัญหา เช่น ฮอร์โมนเพศแปรปรวน ประจำเดือนผิดปกติ หรือถ้าในเพศชายอาจมีสาเหตุจากต่อมลูกหมาก
ü ข้อควรปฏิบัติ: พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป ดื่มน้ำมากๆระหว่างวัน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น และอาหารฤทธิ์เย็นต่างๆ เช่น ผักผลไม้สด อาหารปรุงไม่สุก ออกกำลังกายเป็นประจำ
7.บริเวณใบหู
ปัญหาที่เกิดบริเวณตำแหน่งนี้ จะเกี่ยวข้องกับ อวัยวะ “ ไต”
หากบริเวณหูมักเกิดสิวอักเสบ สิวไม่มีหัว ผดผื่น หูสีม่วงแดง ซ้ำๆบ่อยๆมักมีสาเหตุมาจากระบบการทำงานของไตที่ผิดปกติไป
ü ข้อควรปฏิบัติ: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่หักโหมจนเหนื่อยเกินไป ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายและระบบการไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้น
8.บริเวณคอ
ปัญหาที่เกิดบริเวณตำแหน่งนี้ จะเกี่ยวข้องกับ อวัยวะ “กระเพาะอาหาร”และ”ลำไส้”
หากตำแหน่งนี้เกิดสิวอักเสบ ผดผื่น ขึ้นบ่อยๆ มักมีสาเหตุมาจากระบบกระเพาะอาหารย่อยและดูดซึมได้ไม่ดี ความร้อนในร่างกายสะสมนานๆ ก่อให้เกิดสิว
ü ข้อควรปฏิบัติ: หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารทอดมัน อาหารที่มีฤทธิ์ร้อน ปรับพฤติกรรมและความเคยชินในการรับประทานอาหาร เช่น ทานอาหารให้ตรงเวลา เลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ทานอิ่มจนเกินไปหรือน้อยจนเกินไป
วิธีการรักษาสิวด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนนั้น โดยทั่วไปมักใช้การฝังเข็ม การรับประทานยาจีน การครอบแก้วหรือกวาซาระบายความร้อนที่อุดกั้นสะสมอยู่ในร่างกาย ควบคู่กับการขับเสมหะ และกระตุ้นระบบย่อยอาหาร(ม้าม) ซึ่งแพทย์แผนจีนเชื่อว่าเป็นระบบการทำงานของร่างกายที่สำคัญที่จะช่วยลดการเกิดเสมหะและความร้อนสะสมเหล่านี้ได้
นอกจากนี้ผู้ที่เป็นสิวควรหมั่นดูแลเอาใจใส่สุขภาพและความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เข้านอนเร็ว พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ ใส่ใจเรื่องสุขลักษณะอนามัย และนอกจากนี้การเลือกรับประทานอาหารที่ดีและเหมาะสมก็ยังช่วยลดการสะสมของเสมหะและความร้อน อาหารที่แนะนำให้ผู้ที่มีสิวรับประทาน ได้แก่ อาหารที่มีรสจืด ฤทธิ์เย็นหรือฤทธิ์กลาง ขับเสมหะ ได้แก่ ถั่วเขียว ผักบุ้ง ผักคื่นไช่ ฟัก ฟักทอง แตงโม ลูกเดือย เม็ดบัว รากบัว ดอกเก๊กฮวย เป็นต้น งดรับประทานอาหารหรือผลไม้รสหวาน ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
---------------------------------------
บทความโดย
แพทย์จีน รัญชนา ตั้งมั่นเจริญสุข (ซุน หลี)
孙梨 中医师
TCM. Dr. Runchana Tangmancharoensuk (Sun Li)
24 ม.ค. 2568
24 ม.ค. 2568
24 ม.ค. 2568