โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต
แพทย์แผนจีนกับโรคอัมพาตครึ่งซีก ในมุมมองของแพทย์ ?
โรคอัมพาตครึ่งซีกภาษาจีนเรียกว่า 中风 (จ้ง เฟิง) เพราะโรคนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน โดยอาการที่เป็นคือร่างกายซีกหนึ่งใช้การไม่ได้ อาจจะมีอาการชาร่วมกับเคลื่อนไหวไม่ได้อย่างใจคิด อาจมีอาการพูดไม่ชัดหมดสติร่วมด้วย
แนวทางการรักษาโรคอัมพาตครึ่งซีก ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน ?
ศาสตร์การแพทย์แผนจีนใช้การรักษาด้วยการฝังเข็มเป็นหลัก ร่วมกับการทานยาจีน เนื่องจากโรคอัมพาตครึ่งซีกเกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดลมในร่างกายแล้วไปที่สมอง ทำให้มีอาการอัมพาตครึ่งซีก หรือพูดไม่ชัดมีอาการชาครึ่งซีกร่วมด้วย เราจะเน้นใช้วิธีการปรับสมดุลทะลวงเส้นลมปราณในร่างกาย ในปกติโรคอัมพาตครึ่งซีกจะเกิดในผู้สูงอายุ หรือตั้งแต่วัยกลางคนประมาณ 45 ปีขึ้นไป แต่ทุกวันนี้พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคอัมพาตครึ่งซีกมีอายุตั้งแต่ยังน้อย ดังนั้นถ้าก่อนจะเป็นหรือเป็นมาระยะนึงแล้ว เราก็จะป้องกันและฟื้นฟูทำให้คุณภาพชีวิตคนไข้ดีขึ้น
เมื่อเป็นโรคอัมพาตครึ่งซีก เวลาที่เหมาะสมที่ควรเข้ามาพบแพทย์แผนจีน ?
เมื่อเราทราบว่าเป็นโรคยิ่งมารักษาเร็วเท่าไรยิ่งดี ในกรณีเส้นเลือดในสมองตีบระยะเวลาภายใน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน จะรักษาได้ผลดีที่สุด ส่วนถ้ามีเลือดออกในสมองแล้วไปตรวจแพทย์แผนปัจจุบันแล้วสามารถดูดซึมกลับได้ก็สามารถฝังเข็มได้เช่นกัน แต่ถ้ามีเลือดออกมากต้องรอให้เลือดหยุดไหลก่อนประมาณ 1 สัปดาห์หรือ 14 วัน หากใช้ยาละลายลิ่มเลือดต้านการแข็งตัวของเลือด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเพื่อความปลอดภัย
การยกระดับคุณภาพชีวิต การดูแลในผู้ป่วยโรคอัมพาตครึ่งซีก ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน ?
ถ้าในระยะแรกที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบฉับพลัน มีโอกาสหายได้เกือบ 100% แล้วผลที่ดีที่สุดคือภายใน 14 วัน เมื่อผู้ป่วยเป็นอัมพาตจะมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ การมาฝังเข็มจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ แม้กระทั่งการเดินหรือการกลืนอาหาร การพูดก็ช่วยทำให้การใช้ชีวิตดีขึ้น แล้วการฝังเข็มยังช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ดีอีกด้วย ในช่วง 3 เดือนแรก ต้องพยายามมารักษาติดต่อกันจะดีที่สุด
ในฐานะที่คุณหมอเป็นแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคอัมพาตครึ่งซีก หากแพทย์จีนเป็นอีกหนึ่งความหวังคุณหมอมีอะไรอยากจะบอกคนไข้ที่กำลังต่อสู้กับโรค ?
“การแพทย์แผนจีนสามารถดูแลรักษา โรคอัมพาตได้ ตั้งแต่ระดับการป้องกันไม่เป็นโรค เมื่อเป็นแล้วก็สามารถรักษาอาการได้ ป้องกันการเกิดซ้ำ และป้องกันอาการแทรกซ้อนของโรค ลดระยะเวลาการฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็ว เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย”
โรคนอนไม่หลับ
แพทย์แผนจีนกับโรคนอนไม่หลับ ในมุมมองของแพทย์ ?
โรคนอนไม่หลับเกิดจากภาวะอินหยางในร่างกายไม่สมดุลกัน รูปแบบของโรคนอนไม่หลับในแพทย์แผนจีนสามารถแบ่งได้หลายรูปแบบคือ เข้านอนยาก หลับไม่สนิท ตื่นง่าย-หลับง่าย ตื่นง่าย-หลับยาก และตื่นเร็วเกินไป เช่น ในปัจจุบันสาเหตุอาจจะเกิดมาจากภาวะทางอารมณ์ โรคประจำตัว หรือปัจจัยอื่นในสภาวะร่างกายของผู้ป่วยในเวลานั้น การเข้านอนยากส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากความเครียด ทำให้ชี่ติดขัด มีเสมหะคั่งค้าง ความชื้นมากหรือเลือดพร่อง อีกทั้งโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน มักทำให้นอนหลับไม่สนิท นอนหลับไม่ดี สำหรับคนที่ชอบตื่นมากลางดึกในช่วงตี 1 ถึง ตี 3 มาจากสภาวะความเครียด อาจจะเกิดจากการทำงานหนัก ไม่หลับไม่นอน จะส่งผลทำให้เลือดตับพร่องและเข้านอนยาก การตื่นเร็วเกิน มักเกิดจากชี่ปอดพร่อง เช่นโรคภูมิแพ้ หอบหืด
แนวทางการรักษาโรคนอนไม่หลับ ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน ?
ปรับสมดุลอินหยางและขจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค คือวิธีการรักษาในทางการแพทย์แผนจีน ปัจจัยที่เป็นสาเหตุหลักอาจจะเกิดจากทำงานหนัก ความเครียด ส่วนมากจะพบอยู่ในกลุ่มของโรคความร้อนจากตับ อาการพร่องของตับและไต และสภาวะชี่ในตับคั่ง นอกจากนั้นจะมีในกลุ่มอาการหยางในหัวใจและม้ามพร่องและอื่นๆ โดยวิธีการรักษาก็จะได้ทั้งทานยาจีนและฝังเข็ม รวมถึงการปรับพฤติกรรมและวิธีคิดของตัวผู้ป่วย เพราะปัญหาของการนอนไม่หลับ อาจจะเกิดได้ทั้งทางด้านจิตใจหรือมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆ ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยในโรคไทรอยด์ก็จะมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย หรือผู้ป่วยที่มีอาการสมองบาดเจ็บก็ทำให้นอนไม่หลับได้เช่นกัน
ทำไมการฝังเข็มโรคนอนไม่หลับ ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนจึงได้ผล ?
เนื่องจากการฝังเข็มเป็นการกระตุ้นเส้นลมปราณ ระบบอวัยวะภายในของร่างกายจะเชื่อมต่อกันโดยเส้นลมปราณ เพื่อปรับสมดุลของอวัยวะภายในที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้ การฝังเข็มจะเห็นผลได้ชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 7 วัน ถึง 1 เดือน ตามจริงแล้วควรที่จะฝังเข็มตอนเย็น หรือฝังแล้วนอนหลับไปเลยจะเห็นผลได้ดีกว่า ระยะเวลาประมาณ 45 นาที ต่อการรักษา แต่เนื่องจากข้อจำกัดหลายๆอย่างทำให้ไม่สามารถทำการรักษาได้ในตอนเย็นหรือก่อนนอน แต่จะทำให้คุณภาพของการนอนหลับดีมากขึ้น ฝังเข็มแต่ละครั้งผู้ป่วยจะรู้สึกถึงการนอนหลับได้ดีในช่วงเวลาสองถึงสามวันหลังจากการฝังเข็มและอาจจะกลับมามีอาการอีกดังนั้นควรเข้ามาทำการรักษาได้ทุกวัน วันเว้นวัน หรือ 2 วันครั้ง ติดต่อกันนาน 21 วัน จะทำให้ร่างกายและระบบประสาทจดจำพฤติกรรมการนอนหลับของเราได้ นอกจากนั้นก็จะมีตัวช่วยอื่นๆ เช่น การแปะเมล็ดผักกาดที่หู แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน 2 ชั่วโมง แปะหรือประคบอุ่นในจุดอิ้นถาง และหย่งเฉวียน 1 ชม. ก่อนนอน
นอนไม่หลับเรื้อรังมานาน แพทย์แผนจีนรักษาได้ไหม ?
ความหมายของการนอนไม่หลับเรื้อรัง คือ เข้านอนยากใช้เวลาเข้านอนมากกว่า 30 นาที ตื่นระหว่างนอนมากกว่า 2 ครั้งใน 1 คืน นอนหลับได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมงในหนึ่งคืน ติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน ในการแพทย์แผนจีนสามารถรักษาได้ โดยการปรับสมดุล แต่ก็จะต้องดูว่ามีสาเหตุเกิดจากปัจจัยใดร่วม มีโรคอื่นร่วมด้วยหรือไม่ การทำงานของระบบอวัยวะในร่างกายมีความผิดปกติหรือไม่ และรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น
ในฐานะที่คุณหมอเป็นแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับ หากแพทย์จีนเป็นอีกหนึ่งความหวังคุณหมอมีอะไรอยากจะบอกคนไข้ที่กำลังต่อสู้กับโรค ?
“การนอนไม่หลับมีสาเหตุเกิดจากการเสียสมดุลของอิน-หยาง ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลายประการทั้งปัจจัยความเครียดด้านจิตใจ จากการมีโรคหรือเจ็บป่วยภายใน การรักษาต้องค่อยๆปรับสมดุลตามสาเหตุ พยายามอย่าเครียดกับชั่วโมงการนอนมากเกินไป ปล่อยวางความกังวลลง เมื่อร่างการกลับสู่ภาวะสมดุลเราก็จะสามารถเข้านอนได้ตามปกติ”
แพทย์แผนจีนกับโรคอัมพาตครึ่งซีก ในมุมมองของแพทย์ ?
โรคอัมพาตครึ่งซีกภาษาจีนเรียกว่า 中风 (จ้ง เฟิง) เพราะโรคนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน โดยอาการที่เป็นคือร่างกายซีกหนึ่งใช้การไม่ได้ อาจจะมีอาการชาร่วมกับเคลื่อนไหวไม่ได้อย่างใจคิด อาจมีอาการพูดไม่ชัดหมดสติร่วมด้วย
แนวทางการรักษาโรคอัมพาตครึ่งซีก ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน ?
ศาสตร์การแพทย์แผนจีนใช้การรักษาด้วยการฝังเข็มเป็นหลัก ร่วมกับการทานยาจีน เนื่องจากโรคอัมพาตครึ่งซีกเกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดลมในร่างกายแล้วไปที่สมอง ทำให้มีอาการอัมพาตครึ่งซีก หรือพูดไม่ชัดมีอาการชาครึ่งซีกร่วมด้วย เราจะเน้นใช้วิธีการปรับสมดุลทะลวงเส้นลมปราณในร่างกาย ในปกติโรคอัมพาตครึ่งซีกจะเกิดในผู้สูงอายุ หรือตั้งแต่วัยกลางคนประมาณ 45 ปีขึ้นไป แต่ทุกวันนี้พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคอัมพาตครึ่งซีกมีอายุตั้งแต่ยังน้อย ดังนั้นถ้าก่อนจะเป็นหรือเป็นมาระยะนึงแล้ว เราก็จะป้องกันและฟื้นฟูทำให้คุณภาพชีวิตคนไข้ดีขึ้น
เมื่อเป็นโรคอัมพาตครึ่งซีก เวลาที่เหมาะสมที่ควรเข้ามาพบแพทย์แผนจีน ?
เมื่อเราทราบว่าเป็นโรคยิ่งมารักษาเร็วเท่าไรยิ่งดี ในกรณีเส้นเลือดในสมองตีบระยะเวลาภายใน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน จะรักษาได้ผลดีที่สุด ส่วนถ้ามีเลือดออกในสมองแล้วไปตรวจแพทย์แผนปัจจุบันแล้วสามารถดูดซึมกลับได้ก็สามารถฝังเข็มได้เช่นกัน แต่ถ้ามีเลือดออกมากต้องรอให้เลือดหยุดไหลก่อนประมาณ 1 สัปดาห์หรือ 14 วัน หากใช้ยาละลายลิ่มเลือดต้านการแข็งตัวของเลือด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเพื่อความปลอดภัย
การยกระดับคุณภาพชีวิต การดูแลในผู้ป่วยโรคอัมพาตครึ่งซีก ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน ?
ถ้าในระยะแรกที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบฉับพลัน มีโอกาสหายได้เกือบ 100% แล้วผลที่ดีที่สุดคือภายใน 14 วัน เมื่อผู้ป่วยเป็นอัมพาตจะมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ การมาฝังเข็มจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ แม้กระทั่งการเดินหรือการกลืนอาหาร การพูดก็ช่วยทำให้การใช้ชีวิตดีขึ้น แล้วการฝังเข็มยังช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ดีอีกด้วย ในช่วง 3 เดือนแรก ต้องพยายามมารักษาติดต่อกันจะดีที่สุด
ในฐานะที่คุณหมอเป็นแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคอัมพาตครึ่งซีก หากแพทย์จีนเป็นอีกหนึ่งความหวังคุณหมอมีอะไรอยากจะบอกคนไข้ที่กำลังต่อสู้กับโรค ?
“การแพทย์แผนจีนสามารถดูแลรักษา โรคอัมพาตได้ ตั้งแต่ระดับการป้องกันไม่เป็นโรค เมื่อเป็นแล้วก็สามารถรักษาอาการได้ ป้องกันการเกิดซ้ำ และป้องกันอาการแทรกซ้อนของโรค ลดระยะเวลาการฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็ว เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย”
โรคนอนไม่หลับ
แพทย์แผนจีนกับโรคนอนไม่หลับ ในมุมมองของแพทย์ ?
โรคนอนไม่หลับเกิดจากภาวะอินหยางในร่างกายไม่สมดุลกัน รูปแบบของโรคนอนไม่หลับในแพทย์แผนจีนสามารถแบ่งได้หลายรูปแบบคือ เข้านอนยาก หลับไม่สนิท ตื่นง่าย-หลับง่าย ตื่นง่าย-หลับยาก และตื่นเร็วเกินไป เช่น ในปัจจุบันสาเหตุอาจจะเกิดมาจากภาวะทางอารมณ์ โรคประจำตัว หรือปัจจัยอื่นในสภาวะร่างกายของผู้ป่วยในเวลานั้น การเข้านอนยากส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากความเครียด ทำให้ชี่ติดขัด มีเสมหะคั่งค้าง ความชื้นมากหรือเลือดพร่อง อีกทั้งโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน มักทำให้นอนหลับไม่สนิท นอนหลับไม่ดี สำหรับคนที่ชอบตื่นมากลางดึกในช่วงตี 1 ถึง ตี 3 มาจากสภาวะความเครียด อาจจะเกิดจากการทำงานหนัก ไม่หลับไม่นอน จะส่งผลทำให้เลือดตับพร่องและเข้านอนยาก การตื่นเร็วเกิน มักเกิดจากชี่ปอดพร่อง เช่นโรคภูมิแพ้ หอบหืด
แนวทางการรักษาโรคนอนไม่หลับ ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน ?
ปรับสมดุลอินหยางและขจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค คือวิธีการรักษาในทางการแพทย์แผนจีน ปัจจัยที่เป็นสาเหตุหลักอาจจะเกิดจากทำงานหนัก ความเครียด ส่วนมากจะพบอยู่ในกลุ่มของโรคความร้อนจากตับ อาการพร่องของตับและไต และสภาวะชี่ในตับคั่ง นอกจากนั้นจะมีในกลุ่มอาการหยางในหัวใจและม้ามพร่องและอื่นๆ โดยวิธีการรักษาก็จะได้ทั้งทานยาจีนและฝังเข็ม รวมถึงการปรับพฤติกรรมและวิธีคิดของตัวผู้ป่วย เพราะปัญหาของการนอนไม่หลับ อาจจะเกิดได้ทั้งทางด้านจิตใจหรือมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆ ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยในโรคไทรอยด์ก็จะมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย หรือผู้ป่วยที่มีอาการสมองบาดเจ็บก็ทำให้นอนไม่หลับได้เช่นกัน
ทำไมการฝังเข็มโรคนอนไม่หลับ ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนจึงได้ผล ?
เนื่องจากการฝังเข็มเป็นการกระตุ้นเส้นลมปราณ ระบบอวัยวะภายในของร่างกายจะเชื่อมต่อกันโดยเส้นลมปราณ เพื่อปรับสมดุลของอวัยวะภายในที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้ การฝังเข็มจะเห็นผลได้ชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 7 วัน ถึง 1 เดือน ตามจริงแล้วควรที่จะฝังเข็มตอนเย็น หรือฝังแล้วนอนหลับไปเลยจะเห็นผลได้ดีกว่า ระยะเวลาประมาณ 45 นาที ต่อการรักษา แต่เนื่องจากข้อจำกัดหลายๆอย่างทำให้ไม่สามารถทำการรักษาได้ในตอนเย็นหรือก่อนนอน แต่จะทำให้คุณภาพของการนอนหลับดีมากขึ้น ฝังเข็มแต่ละครั้งผู้ป่วยจะรู้สึกถึงการนอนหลับได้ดีในช่วงเวลาสองถึงสามวันหลังจากการฝังเข็มและอาจจะกลับมามีอาการอีกดังนั้นควรเข้ามาทำการรักษาได้ทุกวัน วันเว้นวัน หรือ 2 วันครั้ง ติดต่อกันนาน 21 วัน จะทำให้ร่างกายและระบบประสาทจดจำพฤติกรรมการนอนหลับของเราได้ นอกจากนั้นก็จะมีตัวช่วยอื่นๆ เช่น การแปะเมล็ดผักกาดที่หู แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน 2 ชั่วโมง แปะหรือประคบอุ่นในจุดอิ้นถาง และหย่งเฉวียน 1 ชม. ก่อนนอน
นอนไม่หลับเรื้อรังมานาน แพทย์แผนจีนรักษาได้ไหม ?
ความหมายของการนอนไม่หลับเรื้อรัง คือ เข้านอนยากใช้เวลาเข้านอนมากกว่า 30 นาที ตื่นระหว่างนอนมากกว่า 2 ครั้งใน 1 คืน นอนหลับได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมงในหนึ่งคืน ติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน ในการแพทย์แผนจีนสามารถรักษาได้ โดยการปรับสมดุล แต่ก็จะต้องดูว่ามีสาเหตุเกิดจากปัจจัยใดร่วม มีโรคอื่นร่วมด้วยหรือไม่ การทำงานของระบบอวัยวะในร่างกายมีความผิดปกติหรือไม่ และรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น
ในฐานะที่คุณหมอเป็นแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับ หากแพทย์จีนเป็นอีกหนึ่งความหวังคุณหมอมีอะไรอยากจะบอกคนไข้ที่กำลังต่อสู้กับโรค ?
“การนอนไม่หลับมีสาเหตุเกิดจากการเสียสมดุลของอิน-หยาง ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลายประการทั้งปัจจัยความเครียดด้านจิตใจ จากการมีโรคหรือเจ็บป่วยภายใน การรักษาต้องค่อยๆปรับสมดุลตามสาเหตุ พยายามอย่าเครียดกับชั่วโมงการนอนมากเกินไป ปล่อยวางความกังวลลง เมื่อร่างการกลับสู่ภาวะสมดุลเราก็จะสามารถเข้านอนได้ตามปกติ”