โรคข้อต่อกระดูกสันหลังส่วนเอวเคลื่อน

Last updated: 2 ก.ค. 2567  |  46988 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โรคข้อต่อกระดูกสันหลังส่วนเอวเคลื่อน

โรคข้อต่อกระดูกสันหลังส่วนเอวเคลื่อน เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อกระดูกสันหลังระดับเอวเคลื่อนไปด้านหน้าเหนือข้อต่อปล้องกระดูกสันหลังชิ้นล่างที่อยู่ติดกัน ทำให้โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบลง เกิดการกดเบียดรากประสาท สาเหตุของการเลื่อนของกระดูกสันหลัง ที่พบได้บ่อย คือการเสื่อมสภาพของกระดูกสันหลัง และ การแตกร้าวของส่วนที่เรียกว่า pars interarticularis

สาเหตุและพยาธิสภาพ
Wiltse และคณะได้แบ่ง Spondylolisthesis ออกเป็น 6 ชนิด ตามสาเหตุและพยาธิสภาพของโรคดังนี้

1. Congenital Spondylolisthesis
เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นแต่กำเนิดของการสร้างกระดูกสันหลัง (Neural Arch) และส่วนบนของกระดูกกระเบนเหน็บ ทำให้กระดูกเอวเคลื่อนไปทางด้านหน้า และอาจไปทับเส้นประสาทได้หากมีการเคลื่อนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์


2. Isthmic Spondylolisthesis 
เป็นการเคลื่อนของกระดูกสันหลังจากรอยแตกของกระดูก Pars Interarticularis ทำให้กระดูกเอวมีความมั่นคงน้อยลงและกระดูกเคลื่อนไปทางด้านหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับบาดเจ็บซ้ำ ๆ ที่มักเกิดขึ้นในกลุ่มนักกีฬาที่แอ่นตัวมากเกินไป โดยเฉพาะนักยิมนาสติก และมักเกิดขึ้นกับเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 2 เท่า


3. Degenerative Spondylolisthesis
เป็นผลมาจากการเสื่อมของกระดูกอ่อนหรือหมอนรองกระดูกที่เป็นไปตามกาลเวลา จึงไม่สามารถรองรับการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังได้ และส่งผลให้กระดูกสันหลังเคลื่อน มักเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป

4. Traumatic Spondylolisthesis
เป็นการเคลื่อนของกระดูกสันหลังส่วนเอวที่เกิดจากการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่กระดูกสันหลังโดยตรง

5. Pathological Spondylolisthesis
เป็นผลมาจากโรคบางชนิดที่ส่งผลให้กระดูกสูญเสียความแข็งแรง และทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อน เช่น โรคกระดูกพรุน การลุกลามของมะเร็ง การติดเชื้อ หรือเนื้องอก เป็นต้น

6. Post-Surgical Spondylolisthesis
เป็นผลมาจากการผ่าตัดเพื่อลดการกดทับของรากประสาทกระดูกสันหลัง เกิดขึ้นเมื่อแพทย์ตัดกระดูก Pars Interarticularis ออกมากเกินไป และผู้ป่วยมักมีอาการแย่ลงหลังการผ่าตัดกระดูกสันหลัง

อาการและอาการแสดง
1. ผู้ป่วยมีอาการปวดเอวร้าวลงสะโพก ปวดร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างอาการปวดร้าวลงขา

2. อาการจากการถูกกดทับเส้นประสาทอย่างรุนแรง เช่น อาการชาและอ่อนแรงกล้ามเนื้อ หรือ อาการชารอบทวารหนัก กลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่อยู่

3. การเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมี limit extension เมื่อให้ผู้ป่วยแอ่นเอว อาการปวดจะเพิ่มมากขึ้น

การตรวจวินิจฉัยตามการแพทย์แผนปัจจุบัน

1.การตรวจร่างกาย
อาจพบจุดกดเจ็บ ถ้าให้ผู้ป่วยยืนในท่าก้มตัวไปข้างหน้าอาจมองเห็นหรือคลำได้ Stepping ซึ่งมักพบรอยปุ่มที่หลังในบริเวณ spinous process ระดับที่เกิด spondylolisthesis 

การทำ straight leg raising test (SLRT) เพื่อตรวจหาการตึงตัวของเส้นประสาท sciatic ถ้ามีอาการปวดร้าวที่ขาและปลายเท้า สามารถช่วยบอกได้ว่า มีการรบกวนรากประสาท L5 หรือ S1
           
2. การตรวจทางภาพรังสี
โดยการ Plain X-rays of lumbosacral spine ท่า AP, lateral view พบความผิดปกติ เช่นปล้องกระดูกสันหลังปล้องหนึ่งเลื่อนไปเมื่อเทียบกับอีกปล้องหนึ่ง



การส่งตรวจท่า oblique view อาจพบ“ broken collar " sign ของ pars interarticularis ซึ่งหมายถึง Spondylolysis

การส่งตรวจ lateral flexion-extension view จะช่วยประเมินภาวะความไม่มั่นคงของกระดูกสันหลัง (segmental spinal instability) ซึ่งเกิดจากการเลื่อน และการเสื่อมสภาพของข้อต่อกระดูกสันหลัง 

3. จัดแบ่งระดับความรุนแรงของการเคลื่อนของกระดูกสันหลัง เป็น 4 ระดับ ดังนี้ 



ระดับที่ 1 กระดูกสันหลังเคลื่อนไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์

ระดับที่ 2 กระดูกสันหลังเคลื่อนตั้งแต่ 26-50 เปอร์เซ็นต์

ระดับที่ 3 กระดูกสันหลังเคลื่อนตั้งแต่ 51-75 เปอร์เซ็นต์

ระดับที่ 4 กระดูกสันหลังเคลื่อนตั้งแต่ 76-100 เปอร์เซ็นต์

การวินิจฉัยตามหลักการรักษาโดยวิธีแพทย์แผนจีน
โรคข้อต่อกระดูกสันหลังส่วนเอวเคลื่อน ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน จัดอยู่ในกลุ่มอาการ "เยาท้ง 腰痛"  มีสาเหตุจาก ความเย็นชื้น ความร้อนชื้น ชี่ติดขัดและเลือดคั่ง ไตพร่อง

1. จากความเย็นชื้น
ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดเอวหนัก ๆ กล้ามเนื้อเกร็งแข็งเหมือนไม้กระดาน และเป็นมานานไม่หาย อาการปวดหนักไม่รุนแรง แต่รู้สึกหนักมากกว่า บิดเอวลำบาก อาจมีปวดขา อาการหนักมากขึ้นในวันที่มีฝนตกและอากาศเย็น   ลิ้นฝ้าขาวเหนียว ชีพจรจม-ช้า

2. จากความร้อนชื้น
ผู้ป่วยมีอาการปวดเอว รู้สึกอุ่นบริเวณที่ปวด อาการหนักมากขึ้นในหน้าร้อนหรือมีฝนตก อาการจะทุเลาถ้ามีการเคลื่อนไหวบั้นเอว ลิ้นมีฝ้าเหลืองเหนียว ชีพจรลื่น-เร็ว

3. จากชี่ติดขัดและเลือดคั่ง
ปวดเอวเวลาบิดเอวไปมา ก้มหรือเงยหลังจะรู้สึกตึงหลัง ถ้าอาการรุนแรง จะบิดเอวซ้าย-ขวาลำบาก บางครั้งจามหรือไอจะปวดมากขึ้นได้ อาจมีอาการปวดอยู่กับที่เหมือนเข็มทิ่มแทง  ลิ้นคล้ำออกม่วง ชีพจร ตึง-ฝืด

4. ไตพร่อง
ปวดเมื่อยล้าบริเวณเอวไม่ปวดมาก ขาอ่อนแรงร่วมด้วยเสมอ ถ้าทำงานมาก พักผ่อนไม่พอจะปวดหลังมากขึ้น การอยู่ในอิริยาบถนั่ง เดิน ยืน นอน ในท่าใดท่าหนึ่งนานหรือมากเกินไป จะปวดหลังมากขึ้นได้



ตรวจร่างกาย
: คลำพบจุดกดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลังข้อที่4 และมีลักษณะเป็นขั้นบันได (Stepping)

X -ray: grade II anterolisthesis of L3 overL4


grade I anterolisthesis of L5overS1 
Special tests: straight leg raising test (+)
Pain scale  : ระดับ 6 
X -ray: grade II anterolisthesis of L3 overL4


กรณีตัวอย่างผู้ป่วย (Case Study)

ข้อมูลทั่วไป นาง สุทิน xxx
อายุ53 ปี
อาชีพค้าขาย
รหัสประจำตัวผู้ป่วย 298XXX
อาการสำคัญปวดเอวด้านซ้าย
ร้าวลงขา
ระยะเวลา 2เดือน
ประวัติปัจจุบัน
  • ตุลาคม 2561 ผู้ป่วยมีอาการปวดบริเวณเอวและสะโพกด้านซ้าย
    ชาร้าวลงขาซ้าย

  • เมื่ออยู่ในอิริยาบถยืนนานๆ หรือเดินนานๆ จะปวดชามากขึ้น

  • แต่ถ้านั่งพัก อาการปวดจะทุเลาลง

  • ทิศทางการเคลื่อนไหวของเอวลดลง

    • แอ่นเอวอาการปวดจะเพิ่มมากขึ้น
การเจ็บป่วยในอดีต(ไม่มี)


วินิจฉัยโรคทางการแพทย์แผนจีน ปวดเอว 腰痛
วินิจฉัยโรคแผนปัจจุบันโรคข้อต่อกระดูก
สันหลังส่วนเอวเคลื่อน
หลักการรักษา
โดยแนวคิดแพทย์แผนจีน
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
ทะลวงเส้นลมปราณ
จัดกระดูกให้เข้าที่


วีธีการรักษา

1. ฝังเข็ม
2. นวดทุยหนา (Tuina) จัดกระดูก



3. ท่ากายบริหาร เพื่อส่งเสริมการจัดกระดูกให้เข้าที่

ผลการรักษา
ผู้ป่วยเข้ามาทำการรักษาตั้งแต่มกราคม 2562 ในการรักษาครั้งที่ 4 อาการปวดเอวด้านซ้ายลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออยู่ในอิริยาบถท่ายืน หรือเดินนานๆ อาการปวดชาร้าวลงขาลดลง ทำการรักษาไปทั้งหมด 10 ครั้ง ในระยะเวลา 1เดือน อาการดีขึ้นต่อเนื่อง


บทความโดย   แพทย์จีน กรกฎ   คุณโฑ
แผนกกระดูกและทุยหนา

ข้อมูลประกอบการรักษาเพิ่มเติม
1. การรักษาโรคด้วยวิธีทุยหนา (Tuina) รักษาโรคทางกระดูกและกล้ามเนื้อได้อย่างไร
2. โรคและกลุ่มอาการที่รักษาด้วยวิธีฝังเข็มแล้วได้ผลค่อนข้างดี
 

เอกสารอ้างอิง
1. Wang zhi hong, 推拿学, Beijing,中国中医药出版社,2012

2. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข , การฝังเข็มรมยา เล่ม 3 การรักษาฝังเข็มรักษาอาการปวด,กรุงเทพ, โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย , 2554

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้