Last updated: 22 ม.ค. 2568 | 68 จำนวนผู้เข้าชม |
ไขข้อสงสัยริดสีดวงทวาร
1)ริดสีดวงมีอาการและระยะของโรคริดสีดวงอย่างไร
คำตอบ:ริดสีดวงทวาร คือ ภาวะของหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพองและอาจยื่นออกมา แบ่งออกเป็น2ประเภท ริดสีดวงทวารภายใน ริดสีดวงทวารภายนอก
(1) ริดสีดวงทวารภายใน (Internal Hemorrhoids) คือ ริดสีดวงที่เกิดภายในรูทวาร ซึ่งอาจะไม่โผล่ออกมาให้เห็นและคลำไม่ได้ ถูกคลุมด้วยเยื่อบุลำไส้จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน แบ่งระดับความรุนแรงออกเป็น 4 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 : ริดสีดวงอยู่ภายในและไม่มีการยื่นออกมานอกทวารหนัก มีอาการถ่ายเป็นเลือด ไม่มีอาการเจ็บ
ระดับที่ 2 : ริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักเมื่อถ่ายอุจจาระ แต่สามารถหดกลับเข้าไปด้านในเองได้ ไม่มีอาการเจ็บ
ระดับที่ 3 : ริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักและต้องใช้มือดันกลับเข้ าไปด้านใน ไม่มีอาการเจ็บ
ระดับที่ 4: ริดสีดวงมีขนาดใหญ่ มีอาการบวม อักเสบเป็นติ่งที่ยื่นออกมาแบบถาวร ไม่สามารถหดหรือดันกลับเข้าไปได้แล้ว ในระยะนี้อาจมีอาการปวดรุนแรง
(2) ริดสีดวงทวารภายนอก (External Hemorrhoids) คือ ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นรอบ ๆ ทวารหนัก สามารถมองเห็นและคลำได้ มีเส้นประสาทรับความเจ็บปวด
2)สาเหตุของโรคริดสีดวง
คำตอบ:สาเหตุของโรคริดสีดวงทวารมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมของตัวเราเอง เช่น การนั่งขับถ่ายนานๆ การเบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆ ท้องผูกบ่อยหรือท้องเสียเรื้อรัง หรืออายุที่เพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายนั้นอายุมากขึ้น อวัยวะต่างๆ ก็เสื่อมสภาพตามวัย
ในทางแพทย์แผนจีนปัจจัยและสาเหตุพื้นฐานเกี่ยวข้องกับ อวัยวะภายในอ่อนแอ ร่วมกับการทานอาหารรสจัดมากเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปทำให้เกิดความชื้นและความร้อนไปสะสมบริเวณลำไส้ใหญ่ และมีพฤติกรรมการนั่งขับถ่ายนานๆ การเบ่งถ่ายแรงๆ หญิงตั้งครรภ์ การยกของหนักๆ ภาวะเนื้องอกในช่องท้อง ทำให้การไหลเวียนของหลอดเลือดไหลเวียนไม่ดี มีเลือดคั่งเกิดเป็นริดสีดวงทวาร
3) ถ้าไม่รักษาปล่อยไว้หายเองได้ไหม และอันตรายไหม
คำตอบ: ริดสีดวงไม่ใช่โรคอันตรายมากนักและการรักษาทำได้ไม่ยาก แต่ถ้ามีเลือดออกปล่อยไว้นานๆ ทำให้เกิดภาวะซีด ความดันโลหิตต่ำ อาจทำให้วูบหมดสติได้ หรือถ้าปล่อยไว้ไม่รักษาอาจทำให้ระยะของโรคดำเนินต่อไป การรักษาอาจจะยุ่งยากมากขึ้น ดังนั้นถ้าพบว่ามีอาการควรปรึกษาแพทย์ทันที
4)ริดสีดวงจะเปลี่ยนเป็นมะเร็งได้ไหม
คำตอบ: อาการของริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่มีส่วนที่คล้ายกัน แต่ทั้ง 2โรคนี้คือคนละโรค
มะเร็งลำไส้ใหญ่ จะมีถ่ายมีมูกขาวๆ ปนกับเลือดสีคล้ำๆ รู้สึกปวดในรูทวารหนักตลอดเวลา มีท้องผูกสลับท้องเสีย ขนาดอุจจาระเล็กลง น้ำหนักตัวลดลง
ริดสีดวงทวาร ขณะขับถ่ายมีเลือดออกเป็นเลือดสด ไม่มีอาการปวดรูทวาร
ดังนั้นริดสีดวงทวาร ไม่ได้เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานเนื้อแดงเนื้อแปรรูปเป็นประจำ อาหารกากใยน้อย อาหารปิ้งย่างรมควัน ตลอดจนขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น
5: วิธีดูแลไม่ให้ริดสีดวงเป็นซ้ำอีก
คำตอบ:
1. ป้องกันไม่ให้ท้องผูก ควรขับถ่ายอุจจาระให้คล่องทุกวัน
2. สร้างอุปนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลา
3. ตอนเช้าหลังตื่นนอนแล้วดื่มน้ำอุ่น 1-2 แก้ว จะกระตุ้นการเคลื่อนไหวของกระเพาะและลำไส้
4. ควรหลีกเลี่ยงการยืนนาน หรือนั่งนานเกินไป หรือยกของหนักๆ
5.รับประทานอาหารที่มีกากใยมาก อาหารจำพวกถั่ว ผัก ผลไม้มากๆ จะช่วยทำให้ไม่ท้องผูก อุจจาระไม่แข็ง
6. ไม่ควรนั่งอ่านหนังสือ หรือ เล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างการถ่ายอุจจาระ เพราะจะทำให้เพลิดเพลินลืมเวลา และใช้เวลาในกิจกรรมนี้นาน ควรใช้เวลานั่งประมาณไม่เกิน 10 นาที
7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยเพิ่มการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ทำให้ถ่ายอุจจาระได้ง่าย
8. ลดและหลีกเลี่ยง อาหารที่รสเค็มจัด เพราะทำให้อ้วน และมีการสะสมน้ำอยู่ในร่างกายมาก และทำให้เส้นเลือดในร่างกายขยายจนทำให้โรคริดสีดวงขยาย เพราะเป็นส่วนของเส้นเลือดเช่นเดียวกัน
9.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้มีผลต่อลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องผูก อุจจาระไม่ออก ก่อให้เกิดริดสีดวงอักเสบ หรือบวมได้
-------------------------------------
บทความโดย
แพทย์จีน สมเกียรติ พัดอินท (หมอจีน หวง จื่อ เวย)
黃紫薇 中医师
TCM. Dr. Somkiat Padint (Huang Zi Wei)
แผนกอายุรกรรมภายนอก
24 ม.ค. 2568
24 ม.ค. 2568
24 ม.ค. 2568