อาการไอเรื้อรัง ในศาสตร์การแพทย์แผนจีน

Last updated: 24 ม.ค. 2568  |  81 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อาการไอเรื้อรัง ในศาสตร์การแพทย์แผนจีน



อาการไอเรื้อรัง หมายถึง อาการไอที่มีระยะเวลาติดต่อกันนานมากกว่า 8 สัปดาห์ การไอเป็นกลไกอย่างหนึ่งของการป้องกันระบบหายใจไม่ให้ได้รับอันตราย  ในอากาศมีของเสียที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจปะปนอยู่ ยิ่งอยู่ในเมืองยิ่งมีมากจากการสูบบุหรี่ มลภาวะเป็นพิษอาจเป็นในรูปฝุ่นละออง ก๊าซเคมี และเชื้อโรค เชื้อราเชื้อไวรัสต่างๆ ร่างกายจึงมีวิธีกำจัดสิ่งเหล่านั้นออกไป หรือมีบางสิ่งไปกดทับที่เนื้อปอดหรือหลอดลม เช่น ก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งปอด ร่างกายจะรับรู้ว่ามีบางอย่างมาระคายเคืองอยู่ กลไกของร่างกายก็จะกระตุ้นให้เกิดอาการไอ เพื่อพยายามจะขับออก แต่ขับไม่ออกเป็นผลให้เกิดการไอเรื้อรังขึ้น

สาเหตุของอาการไอเรื้อรัง แยกตามอวัยวะ



1.     โรคจมูก

Ø  โรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยมักมีอาการคัดจมูก คันจมูก จามบ่อยๆ ร่วมกับอาการไอแห้งๆ ระคายคอ เป็นต้น

Ø  ไซนัสอักเสบ ผู้ป่วยอาจมีไข้ต่ำๆ หรือมีน้ำมูกขุนขาวหรือเหลือง มีกลิ่นเหม็นในโพรงจมูก หรือมีกลิ่นปากเนื่องจากมีเสมหะลงคอ อาการไอจะเป็นการไอแบบมีเสมหะร่วมกับน้ำมูกไหลหรือคัดจมูก เป็นต้น

2.     โรคในช่องคอที่ทำให้เกิดอาการไอ

Ø  คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ซึ่งมักพบร่วมกับอาการไข้ เจ็บคอ กลืนเจ็บ เป็นต้น

3.     โรคของกล่องเสียงและหลอดลมที่ทำให้เกิดอาการไอ

Ø  กล่องเสียงอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อหรือใช้เสียงมาก พบร่วมกับอาการเสียงแหบ

Ø  มะเร็งกล่องเสียง พบในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่มาก ผู้ป่วยมักมีอาการไอร่วมกับเสียงแหบ ถ้าเป็นมากอาจมีต่อมน้ำเหลืองที่คอโด มีอาการกลืนลำบาก หายใจลำบากร่วมด้วย

Ø  ไอหลังติดเชื้อโควิด Long covid

Ø  หลอดลมอักเสบ เป็นต้น

4.     โรคของทางเดินหายใจส่วนล่าง

Ø  วัณโรคปอด

Ø  โรคหอบหืด อาจพบรวมกับโรคภูมิแพ้

Ø  ถุงลมโป่งพอง มักพบในผู้ป่วยสูบบุหรี่มาก หรือเคยเป็นโรคปอดเรื้อรังอื่นๆ มาก่อน

Ø  มะเร็งปอด เป็นโรคมะเร็งที่สามารถตรวจพบแต่เนิ่นๆ ได้ด้วยการถ่ายภาพรังสีปอดเป็นประจำทุกปีร่วมกับการตรวจสุขภาพ เป็นต้น

 

อาการไอเรื้อรัง ในศาสตร์การแพทย์แผนจีน

อาการไอในมุมมอง ของการแพทย์แผนจีนมีสาเหตุเกิดจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน

ปัจจัยภายนอก

Ø ปอดควบคุมการไหลเวียนของชี่  เป็นเสมือนหลังคาป้องกันอวัยวะตันทั้งห้า ส่วนบนของปอดเชื่อมติดกับหลอดลม ลำคอและจมูก ทำหน้าที่ในการหายใจ อวัยวะภายนอกปอด สัมพันธ์กับผิวหนังและเส้นขน  เมื่อปอดถูกกระทบจากปัจจัยก่อโรคภายนอก ซี่ของปอดถูกปิดกั้น การไหลเวียนก็ติดขัด ไหลเวียนลงล่างไม่ได้จึงทำให้เกิดอาการไอ

Ø  มีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลของสภาวะอากาศ ลมเย็นกระทบปอด ลมร้อนเข้าสู่ปอด ลมแห้งมากระทบทำให้ชี่ปอด ขับเคลื่อนผิดปกติจึงเกิดอาการไอขึ้น

 

ปัจจัยภายใน

Ø  พฤติกรรมการทานอาหาร เช่น การทานของทอดของมัน หรือของเย็น ส่งผลทำร้ายม้าม ก่อเกิดเป็นเสมหะอุดกั้นและเก็บสะสมไว้ที่ปอด เสมหะความชื้นสะสมที่ปอด เสมหะร้อนอุดกั้นปอด ทางเดินหายใจอุดกั้น ชี่ปอดย้อนขึ้นและทำให้เกิดอาการไอ

Ø  อาจเกิดจากอารมณ์ อารมณ์โกรธโมโห หงุดหงิดง่าย มักทำให้ชี่ตับติดขัด ก่อเกิดไฟ ไฟตับทำร้ายปอด เส้นลมปราณร้อน ย้อนขึ้นกระทบปอด

Ø  อาจเกิดจากโรคของปอดเองหรือการเจ็บป่วยเรื้อรัง มักทำให้ทำลายชี่และสารอิน อินของปอดพร่องปอดไม่สามารถควบคุมชี่ได้ ชี่ปอดขับเคลื่อนผิดปกติทำให้เกิดอาการไอ

Ø  อาจเกิดจากปอดแห้งไฟพร่องเผาผลาญสารน้ำกลายเป็นเสมหะอุดกั้นปอด ทำให้ชี่ปอดย้อนกลับจนทำให้เกิดอาการไอ

กลไกการทำหน้าที่ 

Ø  ปอดไม่สามารถควบคุมชี่ขึ้นลงเข้าออก ทำให้ชี่ปอดย้อนกลับส่งผลให้เกิดอาการไอ 

Ø  ตำแหน่งของโรคอยู่ที่ปอด

วินิจฉัยอาการไอเรื้อรัง

ต้องรู้ละเอียดเกี่ยวกับลักษณะพิเศษของอาการไอ เช่น เวลาในการไอ เสียงไอ จังหวะการไอ สาเหตุที่ทำให้ไอ

1.      เวลาในการไอ

Ø  ตื่นนอนตอนเช้าไอมาก เสมหะเยอะ พอไอเสมหะออกแล้ว อาการไอทุเลาลง ส่วนมากเกิดจากชี่ปอดพร่อง เสมหะชื้นอุดกั้น

Ø  ไอมากในช่วงบ่ายหรือก่อนนอน ส่วนมากมาจากอินพร่องร้อนอยู่ภายใน

Ø  ไอกลางคืนมาจากชี่พร่อง ภายในร่างกายมีความหนาวเย็นหรือแพ้อากาศ

Ø  ไอตอนเช้ามากมาจากชี่อินพร่องทั้งคู่

2.      เสียงไอ

Ø  ไอเสียงดัง เสียงหนัก ไอจนหายใจไม่ทัน มาจากเสมหะขึ้นอุดกั้นปอด เป็นแบบแกร่ง

Ø  ถ้าไอแล้วเสียงแหบแห้ง หอบ มาจากเสมหะร้อนปกคลุมปอด เป็นแบบแกร่ง

Ø  ไอกลางคืน ไอทีละครั้ง สองครั้ง เสียงเบา หอบนิดหน่อย มาจาก อินพร่อง ปอดแห้ง

Ø  ไอเสียงเบา ไม่มีแรง มาจากชี่พร่องหรืออินพร่อง

Ø  ไอมาเป็นเวลานานค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ มาจากอาการพร่อง

 

3.      จังหวะการไอ

Ø  ไอเป็นชุด ไอกระแทกกระทั้น มาจากความแห้งรุกปอด

Ø  ไอแค่กๆ ครั้งสองครั้ง แต่ไอนานไม่หาย มาจากอินพร่องปอดแห้ง

4.      ไอเกี่ยวข้องกับท่า

Ø  เวลานั่งไอน้อย นอนไอมาก มาจากชี่ปอดไม่เคลื่อนลงล่าง

Ø  พอนั่งหรือเคลื่อนไหวจะไอมากขึ้น เวลานอนกลับไอน้อยลง เกิดจากชี่พร่อง

5.      ไอจากสาเหตุรอบตัว

Ø  หลังกินอาหารหรือหลังกินอาหารหวานมันจะอาการไอมากขึ้น มีเสมหะเยอะ อาหารไม่ย่อย อึดอัดแน่น มาจากเสมหะชื้นอุดกั้นปอด

Ø  ไอหลังกินดื่มของเย็น เกิดจากความร้อนอยู่ภายใน

Ø  กระทบลม และความเย็นแล้วไอ บวกกับอาการกลัวหนาว เหงื่อออก เป็นหวัดง่าย เกิดจากชี่ปอดพร่อง

Ø  คันคอแล้วไอ มาจากลม ความร้อน และความแห้ง

Ø  เหน็ดเหนื่อยมากเกินไปแล้วไอ มาจากชี่ปอดและไตพร่อง

Ø  ได้กลิ่นแปลกปลอมแล้วไอ เช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นปิ้งย่าง กลิ่นทอด มาจากภูมิแพ้

ไอไม่ได้มาจากปอดอย่างเดียว



อาจมีสาเหตุมาจากอวัยวะอื่นได้เช่นกัน ในคัมภีร์ซู่เวิ่น ยังมีกล่าวว่า “อวัยวะตันทั้งห้าและอวัยวะกลวงทั้งหกล้วนแล้วแต่ทำให้ไอได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเกิดจากปอดเพียงอย่างเดียว” ซึ่งหมายความถึงหากอวัยวะอื่นๆ ทำงานผิดปกติไปอาจส่งผลกระทบต่อปอดแล้วทำให้เกิดอาการไอได้ ดังสาเหตุจากอวัยวะอื่นๆ ดังนี้

Ø  เกิดจากตับ ซึ่งมักเกิดจากอารมณ์โกรธโมโห ก่อเกิดไฟตับทำร้ายปอด ไฟทำร้ายสารน้ำ กลายเป็นเสมหะ ทำให้เกิดอาการไอ

Ø  เกิดจากม้าม เมื่อรับประทานอาหารไม่เหมาะสม ทำให้ม้ามสูญเสียการย่อยและดูดซึมอาหาร ทำให้ก่อตัวเป็นเสมหะอุดกั้นสะสมที่ปอด ทำให้เกิดอาการไอ

Ø  เกิดจากหัวใจ มักพบว่ามีภาวะชี่ของหัวใจพร่อง ทำให้เลือดที่หัวใจติดขัดอุดกั้น ซึ่งหัวใจอาศัยปอดในการลำเลียงเลือดส่งไปทั่วร่างกาย เมื่อเลือดคั่งทำให้สารน้ำหยุดนิ่งก่อตัวเป็นของเหลวที่หนืด เป็นผลให้ชี่ปอดติดขัดย้อนขึ้นและเกิดอาการไอ

Ø  เกิดจากไต มักเกิดจากการเจ็บป่วยเรื้อรัง ทำให้ไตพร่อง ชี่ไตไม่สามารถเหนี่ยวรั้งกักเก็บชี่ได้ ส่งผลให้ปอดไม่สามารถควบคุมชี่ได้ปกติ ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง

จะเห็นได้ว่าอาการไอเรื้อรัง มีหลากหลายสาเหตุ แพทย์แผนจีนสามารถวินิจฉัยและรักษาอาการไอโดยแบ่งตามสาเหตุการเกิดโรค และลักษณะอาการ ตามพื้นฐานร่างกายของแต่ละบุคคล ถ้ามีอาการไอเรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์ ยิ่งรักษาเร็วก็หายเร็ว

 
--------------------------------------------------

บทความโดย
แพทย์จีน ศศินิภา กายเจริญ (หมอจีน เฝิง เจี๋ย อวี่)
冯解语 中医师
TCM. Dr. Sasinipa Kaicharoen (Feng Jie Yu)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้